เตือน

จำนวนผู้เข้าชม : 8200 คน

เตือน



รายละเอียด

เตือน

ประเภท : ไล่และป้องกันนก

กรมอนามัยแนะเด็กและผู้สูงอายุ หลีกเลี่ยงอยู่ใกล้ "กรงนก" หรือโรงเลี้ยงนกที่สกปรก ไม่ทำความสะอาด มีมูลนกสะสม หวั่นหายใจเอาเชื้อราเชื้อราคริปโตคอคคัส นีโอฟอร์แมนส์ เข้าสู่ร่างกาย ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อปอดได้...

ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า หนึ่งในเชื้อก่อโรคที่กำลังน่าห่วงและพบในมูลนกพิราบในประเทศไทย ได้แก่ เชื้อราคริปโตคอคคัส นีโอฟอร์แมนส์ (Cryptococcus neoformans) พบมากในมูลนกตระกูลนกพิราบและนกอื่นๆ ซึ่งมูลนกหลายชนิดเป็นแหล่งเพาะเชื้อรานี้ได้ดี ในสภาวะชื้นและแสงแดดส่องไม่ถึง จากการสำรวจจะพบว่าเชื้อราชนิดนี้สามารถเติบโตได้ดีในสภาพที่มีอุณหภูมิระหว่าง 25-30 องศาเซลเซียส และหากอุณหภูมิสูงกว่านั้น หรือความชื้นน้อยกว่าก็จะตรวจพบเชื้อราชนิดนี้ได้น้อยลง ประชาชนสามารถรับเชื้อคริปโตคอคคัสนี้ได้ด้วยการหายใจ เอาสปอร์ หรือตัวเชื้อราเข้าไปในปอด โดยทั่วไปเชื้อราและสปอร์จะมีน้ำหนักเบาและถูกพัดพาให้กระจายไปในอากาศได้ง่าย หากเข้าใกล้บริเวณที่มีรังนก หรือเป็นโรงเรือนเลี้ยงนก หรืออยู่ใกล้กรงนกที่ไม่ได้ทำความสะอาด มีมูลนกสะสมจำนวนมาก ก็อาจมีโอกาสเสี่ยงที่จะหายใจเอาเชื้อรา หรือสปอร์ของเชื้อรา เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจได้

จากการวินิจฉัยทางการแพทย์ พบว่า เชื้อนี้จะมีผลที่ปอดก่อนเป็นอันดับแรก และลามไปสู่ส่วนต่างๆของร่างกาย โดยผ่านทางกระแสเลือด การเกิดโรคจะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ คนที่ได้รับเชื้อนี้เข้าไป จะมีอาการปวดศีรษะเป็นพักๆ และอาการปวดจะเพิ่มขึ้นร่วมกับอาการหน้ามืด วิงเวียน ปวดขมับ เบ้าตา บางครั้งอาจถึงอาเจียน ไอและมีเสมหะปนเลือด มีไข้ต่ำ น้ำหนักลด อาจมีหลอดลมอักเสบร่วมด้วย ในบางรายจะไม่แสดงอาการ แต่เชื้อจะฟักตัว ในร่างกายเป็นเวลาหลายปี จนเมื่อร่างกายอ่อนแอ หรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง จะแสดงอาการออกมา โดยเชื้ออาจพบได้มากในกลุ่มเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคมะเร็ง หรือผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ ซึ่งจะมีอาการรุนแรงกว่าคนปกติและรักษาได้ยากกว่า การรักษาต้องใช้ยาปฏิชีวนะเป็นเวลาระยะหนึ่ง และรักษาตามอาการอื่นๆ

"ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันต่ำ ควรจะหลีกเลี่ยงการสัมผัสเชื้อดังกล่าว และรู้จักป้องกันตัวเอง เช่น สวมผ้าปิดปากและจมูก เวลาทำความสะอาดอาคารเก่า หรือบริเวณที่พบนกอาศัยอยู่ เพราะอาจเป็นแหล่งที่มีเชื้อโรคจากมูลนกปนเปื้อน และล้างมือทุกครั้งหลังทำความสะอาด นอกจากนี้ การไล่นกจากที่อยู่อาศัยสามารถทำได้ด้วยวิธีการต่างๆ อาทิ กั้นตาข่าย ตะแกรง หรือขึงเอ็นกีดขวางเพื่อไม่ให้นกทำลายแล้วเข้ามาอาศัยในอาคารได้ หรือการไล่นกด้วยกลิ่น เช่น กลิ่นสกัดจากสารในเม็ดองุ่น หรือใช้สารเคมีที่มีผลโดยตรงกับเยื่อบุหลอดลมของนก ได้แก่ การบูร พิมเสน ลูกเหม็น ซึ่งปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์สมุนไพรผ่านกระบวนการผลิตด้วยระบบนาโนเทคโนโลยี ใช้พ่นเพียงครั้งเดียว แต่สามารถออกฤทธิ์ได้ยาวนานหลายเดือน เป็นต้น" อธิบดีกรมอนามัย กล่าว.




  เมื่อวันที่ : 2015-03-29 10:25:27


โทร : 093-292-9597 , 038-337114 คุณทนัส